รีวิวหนัง หยุดรักไว้ที่วันนั้น

รีวิวหนัง หยุดรักไว้ที่วันนั้น

ดูหนังออนไลน์  ดัดแปลงมาจากนิยายดังที่ทำรายได้เยอะในปี 2020 “Akegata no Wakamonotachi” จากนักเขียน “คัตสึเสะ มาซาฮิโงะ” มาทำเป็นหนังรักที่โดนใจวัยรุ่นในญี่ปุ่นมาก เรื่องราวความรักครั้งแรกของชายหนุ่ม ซึ่งแทนตัวเองว่า “ผม” รับบทโดย “คิตามุระ ทาคุมิ” เขาได้พบกับ “เธอ” รับบทโดย “คุโรชิมะ ยูอินะ”

พวกเขาได้ทำการนัดแนะและตกลงกันว่าการคบกันนั้นต้องเดตกันทุกวันสุดสัปดาห์เวลาหัวค่ำไปจนถึงเช้า จนเวลาผ่านไป 2 ปี หญิงสาวคนนั้นก็ได้หายตัวไป โดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลาหนังได้ “มัตสึโมโตะ ฮานะ” ผู้กำกับหญิงดาวรุ่งจากซีรีส์ Love and Fortune และเขียนบทโดย “โคเดระ คาซึฮิสะ” โดยหลังจากที่เปิดฉายรอบสื่อมวลชน ไปเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สื่อไทยต่างยกให้ หยุดรักไว้ที่วันนั้น เป็น ภาพยนตร์รักแห่งปี ที่จะมาฮีลหัวใจทุกคนส่งท้ายเดือนแห่งความรัก

เป็นหนังที่ทำมามาจากนิยายสุดดังและใช้ชื่อเดียวกันด้วยเป็นนิยายของ มาซาฮิโกะ คัตซึเสะ โดยได้ ฮานะ มัตสึโมโตะ ผู้กำกับหญิงหน้าใหม่ไฟแรงจาก Dadadada Seventeen (2017) มารับหน้าที่ดัดแปลงเรื่องราวจากหน้าหนังสือสู่จอภาพยนตร์ พร้อมด้วย 3 นักแสดงนำมากเสน่ห์ นำโดย คิตามุระ ทาคุมิ จาก Let Me Eat Your Pancreas (2017), ยูอินะ คุโรชิมะ จาก Talking the Pictures (2019) และ ยูกิ อิโนะอุเอะ จากซีรีส์ Ultraman Taiga (2019)

รีวิวหนัง หยุดรักไว้ที่วันนั้น หนังรัก

รีวิวหนัง หยุดรักไว้ที่วันนั้น หนังดี

เนื้อหาของ ดูหนังฟรี  เล่าเกี่ยวกับชายหนุ่มคนหนึ่งคือ (คิตามุระ ทาคุมิ) เขาได้มาเข้าร่วมในงานเลี้ยง และวันนั้นเองเขาก็ได้เจอกับหญิงสาวคนหนึ่งคือ (ยูอินะ คุโรชิมะ) ซึ่งทั้งคู่ต่างก็พูดคุยกันถูกคอ และมีสิ่งที่ชื่นชอบคล้ายๆ กัน เขาและเธอจึงตกลงกันว่าจะเดตกันทุกสุดสัปดาห์ โดยไม่มีการจำกัดสถานะของกันและกัน จนเวลาล่วงเลยไปนานกว่า 2 ปี จู่ๆ หญิงสาวคนนั้นกลับหายตัวไปโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา

เรื่องราวของหนุ่มโสดที่ตกหลุมรักสาวแปลกหน้า ในคืนของงานเลี้ยงรุ่นหลังเรียนจบ พวกเขาตกลงที่จะออกเดตกันทุกๆ สุดสัปดาห์ ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำไปจนถึงรุ่งเช้า เป็นเสมือนโมงยางแห่งช่วงเวลาต้องมนต์ของพวกเขา จนกระทั่งเวลาผ่านไป 2 ปี หญิงสาวคนนั้นก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลาสักคำ

เพียงแค่ได้อ่านเนื้อหาคร่าวๆของ หยุดรักไว้ที่วันนั้น Pantip  ก็พอจะรู้ว่าเป็นหนังแนวรักแน่นอน แต่ว่าตัวหนังจริงๆไม่ได้มีแค่ที่กล่าวมานั้น หนังได้ดัดแปลงมาจากนิยายขายดีชื่อเดียวกันของ “มิซาฮิโกะ คาสึเสะ” ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2020 โดยได้ “คาซุฮิสะ โคเดระ” (จากหนัง Day and Night)

ได้นำมาปรับปรุงขึ้นใหม่อีก แถมยังได้นักเขียนสาวที่ผันตัวไปทำงานเบื้องหลัง “ฮานะ มัตสึโมโตะ” เป็นผู้กำกับ โดยผลงานชิ้นนี้นับว่าเป็นหนังยาวเรื่องที่ 2 ของเธอ หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์กำกับซีรีส์มาหลายเรื่อง

รีวิวหนัง หยุดรักไว้ที่วันนั้น หนังดี

รีวิวหนัง หยุดรักไว้ที่วันนั้น หนังน่าดู

ไม่ได้กล่าวหาว่าตัวหนังนั้นใส่หน้าหนังไว้เพื่อหลอกเรา เพราะจริงๆแล้วหนังก็ออกจะไปทางโรแมนติกแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อได้มาดูโดยรวมแล้ว กลับกลายเป็นหนังสไตล์ coming-of-age จากวัยมหาวิทยาลัยที่เรียนจบ และก้าวมาสู่วัยผู้ใหญ่ที่เริ่มต้นชีวิตกับอาชีพแรกที่นับว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตหลายๆ คน และองค์ประกอบนี้เองได้ทำให้หนังเรื่องนี้เสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงเรื่องได้เป็นอย่างดี

ถึงแม้ รีวิวหนังรักวัยรุ่น  เรื่องราวนั้นดูเหมือนว่าพล็อตจะง่ายๆ กับการที่ชายหนุ่มคนหนึ่งมาปิ๊งรักสาวน้อยในเลี้ยงรุ่น และเริ่มตกหลุมรักกันภายในคืนเดียว แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นมากๆ คือการเล่าเรื่องของภาพยนตร์ที่พาเราไปสำรวจความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ยาวนานกว่า 2 ปี ทั้งเรื่องราวความโรแมนติก ความดราม่า ตลกขบขัน ไปจนถึงโมเมนต์น่ารักๆ ของสองตัวละครหลักที่สร้างรอยยิ้มให้กับเราได้ดีทีเดียว

แต่ไม่ใช่แค่นั้น หนังยังมีการหักมุมด้วย เป็นการเปิดเผยปมบางอย่างที่จะพาคนดูไปสำรวจความรู้สึกของตัวละครให้ลึกซึ้งมากกว่าเดิม เราจึงค่อนข้างชื่นชอบวิธีการเล่าเรื่องของภาพยนตร์ที่ค่อนข้างกลมกล่อม และเสริมให้ทุกตัวละครมีมิติมากขึ้น

การเล่าเรื่องของหนัง หยุดรักไว้ที่วันนั้น HD  ที่มองโดยรวมแล้วก็อาจจะรู้สึกธรรมดาๆ แต่เมื่อได้ลองนำเอาองค์ประกอบต่างๆ มารวมเข้าด้วยกัน ก็จะพบว่า มีเทคนิคในการสื่อสารเรื่องราวได้อย่างลึกซึ้งอย่างคาดไม่ถึง โดยใช้เพียงตัวละครเดียวในการดำเนินเรื่องเป็นแกนหลัก ที่นำพาหนังทั้งเรื่องเกือบ 2 ชั่วโมง เดินประคับประคองไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย และประเด็นที่กัดกินใจคนหนุ่มสาววัยทำงานที่เพิ่งจะเริ่มตั้งต้นกับตำแหน่งงานแรกของตัวเอง

เรื่องราวความรักของหนุ่มสาวจากงานเลี้ยงรุ่น

จริงๆคิดว่า  รีวิวหนังรักน่าดู  เรื่องนี้น่าจะโดนใจและฟินมากกับคนดูในช่วง เจน Y กับ เจน Z เป็นพิเศษสักหน่อย เพราะช่วงวัยของตัวละครนี้น่าจะคาบเกี่ยวกับอยู่ทั้งสองเจเนอเรชั่นนี้ และสภาวะสังคมและมุมมองต่างๆ ก็สะท้อนถึงการใช้ชีวิตของคนรุ่นนี้ได้อย่างดี

จากเดิมทีกะไว้ว่าจะเข้ามาเสพหนังรักญี่ปุ่น ดันมากลายเป็นว่าต้องมาดูหนังเด็กหนุ่มกำลังที่จะหัดยืนด้วยลำแข้งตัวเองในช่วงชีวิตวัยผู้ใหญ่เริ่มต้น มีสอดแทรกความท้าทายเรื่องที่ทำงานและเรื่องชีวิตส่วนตัวเอาไว้ได้อย่างกลมกล่อม

“ทาคูมิ คิตะมูระ” นักแสดงหนุ่มที่ต้องบอกเลยว่าหนังแนวนี้แหละทางถนัดของเขาเลยก็ว่าได้ ด้วยคาแรกเตอร์ของเขาที่เหมาะกับบทนี้เป็นพิเศษ ทำให้ทั้งสีหน้า-แววตาและอารมณ์ต่างๆ ที่ถ่ายทอดออกมาในหนังนั้น ยิ่งเสริมพลังทำให้คนดูเชื่อในตัวละครนี้มากยิ่งขึ้น ต้องขอบคุณทักษะและความเป็นมืออาชีพในการเป็นนักแสดงของเขาจริงๆ และเขาก็สามารถแบกรับหนังทั้งเรื่องนี้เอาไว้แทบจะเพียงลำพังไปได้ตลอดรอดฝั่งเลยทีเดียว

ที่สำคัญเลย ภายในเรื่องราว หยุดรักไว้ที่วันนั้น เรื่องย่อ  ที่เกี่ยวกับความรักของวัยรุ่นหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ยังมีแกนหลักสำคัญของเรื่องอีกหนึ่งอย่างให้ผู้ชมได้ร่วมกันตกตะกอนความคิด นั่นคือประเด็น ‘ความฝัน’ และ ‘ความจริง’ ที่ไม่อาจโคจรมาบรรจบกันได้

ไปติดตามความรักของพวกเขาเถอะ

ซึ่งเราคิดว่าตัวภาพยนตร์ หยุดรักไว้ที่วันนั้น พากย์ไทย  ค่อนข้างนำเสนอประเด็นดังกล่าวออกมาได้อย่างแนบเนียน ผ่านบทสนทนาธรรมดาๆ และการกระทำของตัวละครที่ถูกเขียนขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ และไม่ได้เข้ามาแทรกแซงพาร์ตความรักของตัวละครหลักมากเกินไป

ซึ่งเราต้องยกเครดิตให้กับ 3 นักแสดงนำที่ถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของแต่ละตัวละครออกมาได้อย่างน่าสนใจ เริ่มต้นด้วย คิตามุระ ทาคุมิ กับบทบาทของชายหนุ่มที่พึ่งจะก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยมาได้หมาดๆ พร้อมกับความมุ่งมั่นว่าจะสร้างสิ่งใหม่ให้กับโลกใบนี้, ยูอินะ คุโรชิมะ ในบทบาทของหญิงสาวที่มีโอกาสทำงานที่ตัวเองใฝ่ฝัน และ ยูกิ อิโนะอุเอะ ในบทบาทเพื่อนสนิทของชายหนุ่มที่มีความฝันแบบเดียวกัน

จะว่าไปแล้ว เป็นอะไรที่เหมาะกับคนวัยทำงานเป็นที่สุด หลากหลายแง่มุมที่ได้เลือกมานำเสนอในหนัง อาจจะตรงกับชีวิตจริงของผู้ชมบางคนก็เป็นไปได้ ไม่ว่าจะประเด็นความรักที่เข้าใจยาก หรือภาวะหมดแพสชั่นในการทำงาน หลายๆ องค์ประกอบของหนังสามารถสื่อสารออกมาค่อนข้างมีความเป็นมนุษย์สูง จะว่าเป็นหนังฟีลกู้ดไม่ใช่ เพราะนี่น่าจะเป็นหนัง ‘เรียลฟีล’ ที่สะท้อนชีวิตบางคนได้มากกว่า

หยุดรักไว้ที่วันนั้น ซับไทย  มันไม่ได้เป็นหนังรักที่สุดหวานแหวว แต่ก็ทำให้เราเซอร์ไพรซ์ได้เหมือนกัน แม้ว่าการถ่ายทอดและเล่าเรื่องจะค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้รีบร้อนใดๆ เล่าไปตามทิศทางลมเบาที่กำลังกลมกล่อม บางครั้งอาจจะรู้สึกเบื่อได้กับการเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยเร่งสปีดของหนังเท่าไหร่ แต่คนดูจะสัมผัสได้ถึงเหตุและผลที่หนังเลือกจะเล่าเรื่องด้วยอัตราความเร็วเพียงเท่านั้น และทุกๆ ซีนของหนังต่างกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาต้องมนต์ตามชื่อเรื่องอยู่นั้นเอง

ถือว่าเป็น รีวิวหนังรักน่าสนใจ  ภาพยนตร์รักโรแมนติก ดราม่า ที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้อย่างครบทุกรสชาติ มีทั้งความหวานของคู่พระนางที่ชวนให้เราอมยิ้ม และแทรกด้วยความขมให้ผู้ชมได้สัมผัสถึง ‘ชีวิต’ ของตัวละครที่ดูจะไม่มีอะไรแน่นอนเท่าไรนัก โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับโลกความจริงที่ไม่ได้เป็นดั่งที่เขาและเธอวาดฝัน แต่ก็เพราะความไม่แน่ไม่นอนนั่นแหละ มันจึงเรียกว่า ‘ชีวิต’

เป็นอะไรที่เหมาะกับคนวัยทำงานเป็นที่สุด หลากหลายแง่มุมที่ได้เลือกมานำเสนอในหนัง อาจจะตรงกับชีวิตจริงของผู้ชมบางคนก็เป็นไปได้ ไม่ว่าจะประเด็นความรักที่เข้าใจยาก หรือภาวะหมดแพสชั่นในการทำงาน หลายๆ องค์ประกอบของหนังสามารถสื่อสารออกมาค่อนข้างมีความเป็นมนุษย์สูง จะว่าเป็นหนังฟีลกู้ดไม่ใช่ เพราะนี่น่าจะเป็นหนัง ‘เรียลฟีล’ ที่สะท้อนชีวิตบางคนได้มากกว่า

หนัง หยุดรักไว้ที่วันนั้น รีวิว  ได้ดำเนินเรื่องราวแบบค่อยเป็นค่อยไป เล่าเรื่องราวแบบเบาๆดั่งสายลมพิร้วไหว บางครั้งอาจจะรู้สึกเบื่อได้กับการเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยเร่งสปีดของหนังเท่าไหร่ แต่คนดูจะสัมผัสได้ถึงเหตุและผลที่หนังเลือกจะเล่าเรื่องด้วยอัตราความเร็วเพียงเท่านั้น และทุกๆ ซีนของหนังต่างกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาต้องมนต์ตามชื่อเรื่องอยู่นั้นเอง

เป็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับชายหนุ่ม (คิตามุระ ทาคุมิ) ที่เขานั้นได้เดินทางมาเข้าร่วมงานเลี้ยงรุ่น และคืนนั้นเองที่เขาได้มาพบกับหญิงสาวคนหนึ่ง (ยูอินะ คุโรชิมะ) ซึ่งทั้งคู่ต่างก็พูดคุยกันถูกคอ และมีสิ่งที่ชื่นชอบคล้ายๆ กัน เขาและเธอจึงตกลงกันว่าจะเดตกันทุกสุดสัปดาห์ โดยไม่มีการจำกัดสถานะของกันและกัน จนเวลาล่วงเลยไปนานกว่า 2 ปี จู่ๆ หญิงสาวคนนั้นกลับหายตัวไปโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง The End of the Pale Hour หยุดรักไว้ที่วันนั้น
ประเภท: ดราม่า / โรแมนติก
ผู้กำกับ: ฮานะ มัตสึโมโตะ
นำแสดงโดย: ทาคูมิ คิตะมูระ, ยูอินะ คูโระชิมะ, ยูกิ อิโนอูเอะ
ความยาว: 116 นาที
กำหนดฉายในไทย: 24 กุมภาพันธ์ 2022 (ในโรงภาพยนตร์)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *