และในวันนี้ผู้เขียนจะมา รีวิวหนังรักโรแมนติก ซึ่งมีชื่อเรื่องว่า The Curious Case of Benjamin Button เบนจามิน บัททอน อัศจรรย์ฅนโลกไม่เคยรู้ พล็อตเรื่องแฟนตาซี เนื่องจากเนื้อหาของหนังนั้นมีความแปลกใหม่ และน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องสั้นของ เอฟ สก็อตต์ ฟิตซ์เจอรัลด์ ที่เเต่งขึ้นในปี 1920 สามารถรับชมได้ที่ช่องทาง ดูหนังออนไลน์
The Curious Case of Benjamin Button
เรื่องย่อ
เบนจามิน บัตตัน เรื่องย่อ คือชายที่เกิดมาด้วยความผิดปกติทางร่างกาย ด้วยสภาพที่เหมือนคนอายุ 80 ปี ที่เต็มไปด้วยโรคของคนชรามากมายเต็มไปหมด
หลายๆ คนคิดว่าเขาจะตายก่อนได้โต แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อ เบนจามิน กลับรอดมาได้ด้วยร่างกายที่ค่อยๆ เด็กขึ้นเรื่อยๆ
สวนทางกับชีวิตของคนอื่นๆ ที่แก่ลงไปตามกาลเวลา เขาจึงเริ่มต้นใช้ชีวิตที่สวนทางนี้ผ่านยุคสมัยต่างๆ นับตั้งแต่ปลายสงครามโลกครั้งหนึ่งไปจนถึงศตวรรษที่ 21 ด้วยชีวิตที่ไม่เหมือนใคร
ผู้กำกับ : เดวิด ฟินเชอร์
ความยาว : 166 นาที
ระบบเสียง : บรรยายไทย
คะแนน : 9/10
โรแมนติกดราม่าน้ำตาท่วมจอ
คาดว่าหลายๆคนคงเคยดูกันมาหมดแล้ว ความรู้สึกส่วนตัวหลังได้ดู ผู้เขียนชอบพอสมควรเลย แม้ว่าส่วนตัวจะไม่ค่อยอินกับหนังแนวรักๆเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ทำได้ดี
มันเป็นรักที่สวยงามและบริสุทธิ์มากจริงๆ
เอาหละมาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่า เริ่มที่ด้านบทกันก่อนเลย บทของเรื่องนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก บทดีมากจริงๆ Benjamin Button วิจารณ์
เก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ได้อย่างดี วางลำดับการเล่าเรื่องได้ดีมาก ก็ตามแบบฉบับป๋า เดวิด ฟินเชอร์ เลยหนังจะค่อนข้างไปเรื่อยๆ เล่าเรื่องไปทีละสเต็ป
เพราะทั้งเรื่องจะเล่าเรื่องราวชีวิตของ เบนจามิน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเขาเสียชีวิต มันก็จะมีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น ถ้าให้เปรียบง่ายๆ
ก็อารมณ์แบบ Forrest Gump แต่จะออกแนวหม่นๆ น่าสงสาร เสียมากกว่า บอกเลยว่าถ้าใครเป็นคนอ่อนไหวง่าย หรือชอบหนังแนวนี้ มีน้ำตาแตกแน่นอน
เพราะความรักของพระเอกกับนางเอกมันน่าเศร้า แถมชีวิตของพระเอกก็น่าสงสารจนเกินบรรยาย ส่วนตัวผู้เขียนชอบตอนท้ายเรื่องมากๆ
ตอนที่ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน และพระเอกต้องตัดสินใจที่จะทิ้งทุกอย่างและเดินออกมาจากชีวิตนางเอก เพราะเขาไม่อยากให้นางเอกต้องมาเลี้ยงเขาอีกคน จุดจบเรื่องราวมันอาจจะหม่นหน่อย แต่มันก็สมเหตุสมผลแล้ว นึกแล้วก็เศร้า
ต่อมาด้านการแสดง ส่วนนี้ไม่มีอะไรจะติเลยเช่นกัน ป๋าแบรด พิตต์เล่นดีมาก และก็เหมือนเคยหล่อมากๆเช่นกัน และพอมาประกบคู่ เคต แบลนเชตต์ ก็เคมีเข้ากันได้อย่างดี
แถมเคตก็สวยมากเช่นกัน มีซีนดราม่าค่อนข้างเยอะ และนักแสดงนำทั้ง 2 คน ก็แสดงได้อย่างไม่เคอะเขิน แม้ว่าเกือบครึ่งเรื่องหน้าของ แบรด พิตต์ จะโดนซีจีกลบ
แต่ช่วงตอนที่แกแสดงเอง แกก็แสดงได้ดีตามมาตรฐานของป๋าแก นอกจากสองคนนี้ นักแสดงคนอื่นๆ ก็แสดงได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะ ทาราจิ พี. เฮนสัน ที่รับบทเป็นควีนนี่
แม่เลี้ยงของพระเอก คนนี้แสดงดีมากๆ ผู้เขียนรักตัวละครตัวนี้มากที่สุด แสดงดีมาก เป็นแม่เลี้ยงที่ดีมากๆ เสียดายที่บทใจร้าย
เพราะให้พระเอกไปเที่ยวและกลับมาอีกทีแม่ก็ตายแล้ว โดยที่เขาไม่ได้บอกลาแม่ด้วยซ้ำ ช่างโชคร้ายเสียจริง นอกจากนี้แล้วนักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็แสดงได้ดีตามมาตรฐานทั่วไป
รักที่ไม่มีเงื่อนไข รักไม่มีวันหมดอายุ
คุณจะเข้าใจทั้งหมดเหล่านี้เมื่อคุณได้ดูหนังเรื่องนี้ หนังรักที่เเสนจะเรียล หนังชีวิตที่ให้เเรงบันดาลใจ หนังโรเเมนติกดราม่า ที่ทำให้คุณหันไปมองคนรักของตัวเอง
เเละรู้สึกอยากเก็บกอดวันเวลาที่ได้มีกันเเละกันอยู่ข้างกายไปเรื่อย ๆ ถึงเเม้ชีวิตอาจไม่เป็นนิรันดร์ เเต่ความรักไม่เคยเป็นอื่น
ความรักยังคงยั่งยืนแบบไม่มีอะไรสามารถมากั้นขวาง ไม่ต้องการการโคจรมาบรรจบ เพียงเเต่ในใจมีคำตอบว่าสิ่งนั้นคือ ความรัก ก็สามารถขับเคลื่อนชีวิตไปได้อีกเเสนไกล
ใครที่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ คงจะได้ ข้อคิด มากมายหลังจากที่ดูจบ ไม่ว่าจะเป็น ข้อคิดเรื่องการใช้เวลา ทุกนาทีอย่างคุ้มค่า , การยอมรับในตัวเอง หรือแม้แต่ข้อคิด เกี่ยวกับรักแท้ มีหลายประโยคที่โดนใจ ไม่ว่าจะเป็น
“ ชีวิตคนเรา นั้นล้วนเต็มไปด้วยโอกาสเสมอ แม้แต่โอกาส ที่เราปฎิเศษมันก็ตาม ”
เพราะในเรื่องนี้ เบนจามินมีร่างกายที่ แตกต่างจาก คนอื่นทั่ว ๆ ไป แต่เขาก็ได้พบกับรักแท้ ที่ไม่มีใครคิดว่า ชีวิตของเขาจะได้รับ ภาพยนตร์เร่องนี้ได้พูดถึงนาฬิกาที่เดินถอยหลัง
ซึ่งเหมือนชีวิตของ เบนจามิน ที่เหมือนเขาเริ่มต้น จากคนแก่วัย 80 และค่อย ๆ หนุ่มไปจนถึงเป็น เด็กทารกอีกครั้ง
ดูกี่ครั้งก็น้ำตาไหล
ทางด้านมิติของตัวละคร เรื่องนี้ต้องขอชื่นชมจากใจ ตัวละครทุกตัวมีบทบาทที่ทำให้คนดูจดจำตลอดการดำเนินเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวละครเล็กน้อยเเค่ไหนก็ตาม
ส่วนการดำเนินเรื่องเเบบไดอะรี่น่าติดตามมาก ฉาก การลำดับภาพ สีภาพ เครื่องเเต่งกาย การเเต่งหน้า ทุกอย่างลงตัวไปหมดค่ะ มันดีไปทุกอย่าง บทก็ยอดเยี่ยมมาก ๆ
หนังที่ผู้เขียนหลงรักที่สุดตลอดกาลค่ะ อีกอย่างทั้งแบรด พิตต์ เเละเคท งานดีมาก ๆ โดดเด่นเฉิดฉาย กำลังอยู่ในวัยสวยหล่อออร่าทั้งคู่จากเรื่องนี้ ใครยังไม่เคยดู ต้องไปดูกันให้ได้นะคะ
ใครที่อยากดูเรื่องนี้ อาจจะต้องหาดูจากเว็บไซต์ของทางเราที่ผู้เขียนได้แนะนำไปข้างต้นแล้ว แต่ต้องบอกเลยว่า เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ ที่เล่าเรื่องราว สุดโรแมนติก ที่แฝงไปด้วยแง่คิด เกี่ยวกับการดำเนินชีวิต และความหมายของเวลา เอาไว้มากมาย
และไม่ว่าชีวิตของเรา จะก้าวไปข้างหน้า หรือเดินถอยหลังกลับ ทุกอย่างล้วนเป็น การดำเนินชีวิตทั้งสิ้น และไม่ว่าเรา จะมีอายุเท่าไหร่ ไม่มีอะไร จะมาเป็นเงื่อนไข ในการดำเนินชีวิต แต่เราต้องเลือก เส้นทางชีวิต ของเราเองทุกวัน
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์โรแมนติก ที่มีการดำเนินเรื่อง และการเล่าเรื่องของ เบนจามินได้น่าติดตาม แถมยังมีแง่คิด แฝงให้คนดู ได้คิดตามไปด้วย เป็นภาพยนตร์ที่ ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมาก และยังเป็นภาพยนตร์ที่ เข้าชิงรางวัลออสการ์ ในหลายสาขา
เรียกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่ ที่ไม่ได้มีดีแค่ นักแสดงนำเท่านั้น แต่มีรายละเอียด และองค์ปรระกอบที่ สมบูรณ์แบบมาก ๆ พร้อมจะเป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยม อีกเรื่องหนึ่งเลยแหละ ใครที่ยังไม่มีโอกาสได้ดู ผู้เขียนแนะนำเลยว่า ต้องหาเวลาดูให้ได้สักครั้งนะคะ
รีวิวหนัง The Curious Case of Benjamin Button บทสรุป
แม้พล็อตของเรื่องราวนั้นจะมาเหนือชั้น แต่หัวใจของหนังที่ถ่ายทอดออกมาก็หนีไม่พ้นในเรื่องของความรัก และความเข้าใจในสัจธรรมของชีวิต ที่ทำออกมาได้ดี
และมีอะไรให้เราได้ติดตามกันตลอดเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งเลยทีเดียว เพราะในส่วนของเรื่องราวก็สามารถแบ่งแต่ละพาร์ทออกมาได้อย่างตัว
ทั้งตัวโครงเรื่องหลักที่เล่าถึงไดอารี่ของ เบนจามิน ตั้งแต่ในวัยเด็กจนถึงช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต ไปจนถึงโครงเรื่องย่อยๆ
ที่เกิดขึ้นผ่านมุมมองตัวละครอื่นๆ ในเรื่อง ที่อาศัยการจัดวางลำดับเรื่องราวมาเป็นอย่างดี และร้อยเรียงให้ออกมาเข้าใจง่าย ไม่มีเบื่อ ไม่มีงงกันอย่างแน่นอน
ในแง่ของการออกแบบตัวละครในเรื่องก็ทำให้หนังสร้างประเด็นให้กับเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ในช่วงต้นชีวิต เบนจามิน ที่ต้องใช้ชีวิตในบ้านพักคนชรา ด้วยสภาพสังขารของเขา
ก็ทำให้เขาได้เรียนรู้สัจธรรมชีวิตของการจากโลกนี้ไปได้ดีกว่าใคร เพราะเขาจะต้องเผชิญกับคนที่ต้องจากไปอยู่เสมอ และเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ก่อนที่จะสายเกินไป
ไปจนถึงเมื่อเติบโตขึ้นมา ในแง่มุมของความรักก็เต็มไปด้วยอุปสรรคที่น่าสนใจ เมื่อคนนึงมีชีวิตที่เดินหน้าปกติ แต่อีกคนกลับมีอายุที่สวนทาง
ทำให้เมื่อคบกันไปตัว เบนจามิน เองกลับหนุ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นอีกรูปแบบความรักที่เป็นรักแท้ที่ทำออกมาได้ชวนซาบซึ้งจริงๆ
รีวิวหนัง The Curious Case of Benjamin Button ความรู้สึกหลังชม
ส่วนสุดท้ายคือด้านงานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้ถือว่าทำได้ดีมากๆ เพราะหนังเป็นหนังปี 2008 แต่ก็ทำซีจีหน้าเบนจามินออกมาได้ดีเลย แม้ว่าจะลอยๆไปบ้าง
แต่ก็ถือว่ารับได้ ไม่ได้ติดอะไร งานภาพ มุมกล้องต่างๆ ก็ทำได้ดีเช่นกัน ตามมาตรฐานของผู้กำกับคนนี้นั่นแหละ แต่ส่วนตัวผู้เขียนชอบงานภาพของ Fight Club กับ Seven มากกว่า
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเรื่องนี้แย่นะ งานภาพดีเช่นกัน โปรดักชั่นต่างๆก็ดีหมด เพราะหนังเล่าตั้งแต่ช่วงยุค 1910 ยาวจนถึงเกือบยุค 2000 แต่หนังก็จัดฉาก เสื้อผ้าหน้าผู้เขียนตัวละครได้ดี
อย่างตอนต้นๆเรื่องคือยุค 1920 ตัวละครก็จะแต่งตัวแบบหนึ่ง พอเวลาผ่านไป 30 ปี ฉากหลัง รวมถึงการแต่งตัวของตัวละครก็เปลี่ยนไป ถือว่าเก็บรายละเอียดได้อย่างดี โดยรวมแล้วออกมาดีงามมากแล้ว ไม่มีอะไรจะติมากมาย
การที่ดูหนังเรื่องนี้จนจบ เป็นเสมือนการได้ดูการเดินทางชีวิตของคนๆ หนึ่งตั้งแต่เกิดยันตาย “ในมุมกลับ” ที่สร้างความน่าสนใจให้กับเรื่องราวได้มากขึ้น
ซึ่งตัวหนังก็เก็บประเด็นเรื่องราวเหล่านี้เป็นอย่างดี ประกอบกับองค์ประกอบด้านอื่นๆ ของหนังก็เอื้อต่อหนังเป็นอยู่มาก จนสามารถเข้าชิงรางวัลออสการ์ได้เป็นจำนวนมากถึง 13 รางวัล
และได้กลับมาถึง 3 รางวัลด้วย นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหนังที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพทั้งงานศิลป์ทุกด้าน ในส่วนดาราก็จัดกันเต็มสุดๆ
โดยเฉพาะตัว Brad Pitt เองที่ถ่ายทอดที่ช่วงชีวิตออกมาได้อย่างดี และหล่อระดับ Max มากๆ ในช่วงที่เป็นวัยหนุ่ม จนทำให้เราคิดถึงหนังของเขาในช่วงนั้นมากจริงๆ สุดท้ายผู้เขียนอยากจะมาแนะนำ หนังแนวรักโรแมนติก คอมเมดี้ ให้กับผู้อ่านทุกท่าน ซึ่งมีชื่อเรื่องว่า รีวิวหนัง About Time ย้อนเวลาให้เธอปิ๊งรัก