และในวันนี้ผู้เขียนจะมารีวิว หนังรักเกาหลี เป็นหนังแนวโรแมนติกดราม่าลีกลับ ที่มีชื่อเรื่องว่า Decision to Leave หรือชื่อไทย ฆาตกรรมรักหลังเขา หนังดีการันตีด้วยรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเวที เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2022 โดยผู้กำกับคือ พัคชานอุค นักเขียนและผู้กำกับก็ชวนอยากดูแล้ว ว่าแต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร สนุกชวนติดตามและ เร่าร้อนแค่ไหน ไปส่องรีวิวนี้กันค่ะ เชิญติดตามหนังดังหนังฮิตเรื่องใหม่ล่าสุดได้ที่นี่ ดูหนังออนไลน์

หนังเกาหลีแนวโรแมนติกดราม่าลึกลับ

รีวิวหนัง Decision to Leave

รีวิวหนัง Decision to Leave เรื่องย่อ

Decision to Leave เรื่องย่อ เป็นภาพยนตร์ที่ใส่ใจรายละเอียดของทั้งเนื้อหาและภาพทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งคาแรกเตอร์ของพระนาง วิธีการเสียชีวิต อาหารที่ทาน การออกเดต

สถานที่มีหมดทั้งภูเขา ทะเล หิมะตก ฝนตก สมกับเป็นผลงานของผู้กำกับมือทอง พัคชานอุค และเป็นที่รู้กันดีว่า ผลงานของเขา ภาพจะสวยโดดเด่น มุมกล้องแปลกตา เช่นวิวภูเขา

ที่พระเอกต้องขึ้นไปสืบคดีฆาตกรรม ใครดูแล้วรู้สึกอยากไปตามรอย ก็คงจะไปยากหน่อยเพราะว่า เป็นภูเขาที่สร้างขึ้น และมีการตัดต่อ CGI ใส่ลงไป

ไม่ใช่ของจริงนะจ๊ะ หรือภาพการเสียชีวิตของสามีซอเร แล้วมีมดตอมลูกตายั้วเยี้ย มีความสมจริงชวนสยดสยอง และภาพน้ำทะเลซัดหาดทราย ที่สร้างความสงสัยว่า

ขนาดน้ำทะเลยังกำกับได้ ซึ่งก็มีเทคนิคละเอียดซับซ้อน ที่บอกได้เลยว่า ถ้าเห็นเบื้องหลังแล้ว ต้องร้องว้าว! คำโตมาก แนะนำรีวิวหนังรักเกาหลี หนังแนวโรแมนติก รีวิวหนัง 20th Century Girl

รีวิวหนัง Decision to Leave

พัคชานอุค เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการสร้างแบรนด์หนังเกาหลีให้เป็นที่จดจำ ความสนใจของเขาคาบเกี่ยวระหว่างหนังตลาดลุ้นระทึก

กับความพยายามสร้างหนังศิลปะที่ไม่ซ้ำซาก พล็อทของหนังมักจะซับซ้อน พลิกไปมา คิดว่าจะจบแล้วแต่ดันมีต่อ การพูดถึงประเด็นเซ็กซ์ ความรุนแรง ฆาตกรรม การหักหลัง

เหล่านี้เป็นจุดขายที่ไม่ต้องอธิบายมากกับคนดูทั้งโลก แต่ขณะเดียวกันเขาก็พยายามยกระดับให้ตระกูลหนังเขย่าขวัญด้วยลีลา ชั้นเชิง

และการหยิบยืมองค์ประกอบหนังฝรั่งทั้งเก่าและใหม่มาผสม ทำให้หนังของเขามักได้ทั้งเงินทั้งรางวัล อย่างเช่น หนังเรื่องนี้นี่ก็ได้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลคานส์ และยังทำเงินได้มากเมื่อออกฉายที่เกาหลี

เรื่อง : Decision to Leave | ฆาตกรรมรักหลังเขา | 헤어질 결심 (2022)
แนว : โรแมนติกดราม่า, ฆาตกรรม, ลึกลับ
นักแสดง : พัคแฮอิล, ถังเหว่ย
ผู้สร้าง : ผู้กำกับ พัคชานอุค, นักเขียน ชองซอคยอง
ระยะเวลารับชม : 2 ชั่วโมง 18 นาที
ช่องทางการรับชม : Netflix พากย์ไทย
ให้คะแนน : 8/10
ระดับความเหมาะสม : 16+

เนื้อเรื่องนักสืบหลงเสน่ห์ผู้ต้องหา

แฮจุน (รับบทโดย พัคแฮอิล) ตำรวจสายสืบผู้หมกมุ่นจริงจังกับงาน จนชวนสงสัยได้ว่า เพราะงานทำให้เขาเป็นโรคเครียดนอนไม่หลับอย่างรุนแรง

หรือว่าเพราะการนอนไม่หลับเลยทำให้เขาบ้างาน (ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าอย่างหลัง) เขามีลักษณะของ OCD อ่อน ๆ ที่หมกมุ่น เก็บรายละเอียดทุกเม็ด ต้องสมบูรณ์แบบ

เป็นระเบียบเรียบร้อย ใส่ใจจดจำแม้แต่กับตัวเลข เขาทำงานอยู่ในปูซาน สุดสัปดาห์จึงค่อยกลับบ้านทีได้เจอภรรยา จองอัน (รับบทโดย อีจองฮยอน)

ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ชายฝั่งที่มีแต่หมอกปกคลุม ส่วนลูกชายก็พักอยู่หอหมกมุ่นกับการเรียน (เหมือนพ่อไม๊หละ!) ฆาตกรรมรักหลังเขา เต็มเรื่อง

แฮจุนและรุ่นน้องผู้ช่วย ซูวอน (รับบทโดย โกคยองพโย) เข้าไปทำคดีตายปริศนาของ กีโดซู (รับบทโดย ยูซึงมก) นักปีนเขาสมัครเล่นที่ตกจากยอดเขาชัน

ซึ่งอาจเป็นการฆาตกรรมก็ได้ แฮจุนได้พบกับภรรยาผู้ตาย ซอแร (รับบทโดย ถังเหว่ย) ที่อายุคราวลูก เป็นชาวจีนหลบเข้าประเทศเมื่อหลายปีก่อนแต่ไม่ถูกส่งตัวกลับ

เพราะกีโดซูที่เป็นเจ้าหน้าที่ตม. และอีกเหตุผลคือการค้นพบเกียรติภูมิของต้นตระกูลเธอที่เป็นนักรบเลือดรักชาติเกาหลี

รีวิวหนัง Decision to Leave

ในทางวิชาชีพและหน้าที่การงาน แฮจุนย่อมต้องสงสัยในตัวซอแรเป็นพิเศษ เพราะเธอออกอาการพิรุธในระหว่างการสอบปากคำ

และยังมีหลักฐานบางอย่างที่ทำให้เธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยด้วย แต่ในทางจิตใจ ดูเหมือนว่าความหมกมุ่นของเขาจะควบก้ำกึ่งทั้งในมุมของงานและความรู้สึกส่วนตัวบางอย่าง

การตามสืบสอดส่อง เฝ้าเช้าเฝ้าค่ำ และการปฏิบัติต่อเธอจึงดูแปลกตาพิเศษเกินเลย จนลูกน้องยังชวนกังขา นั่นคือคำถามที่เพาะไว้ในใจผู้ชมให้คิดและติดตาม

ใคร่รู้ว่าผลการสืบคดีจะเป็นอย่างไร ซอแรจะมีความผิดไหม และแฮจุนมีใจให้ซอแรใช่หรือไม่ Decision to Leave pantip

แม้จะได้คำตอบในใจพักไว้แล้ว แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกค่อนเรื่องที่เหลือก็ยังพาให้เราแกว่ง ย้อนกลับมาคิดทบทวนทุกสิ่งใหม่อีกในอารมณ์ที่ว่า

อะไร ๆ ก็ดูอึมครึมคลุมเครือไปหมด (ว่าแล้ว เพลง Mist ในเรื่องก็ลอยมา) ฟันธงไม่ถูกเลยว่าอะไรจริงอะไรหลอก ไม่มีสปอยล์มากกว่านี้ ต้องไปดูกันต่อเองค่ะ

เลิฟซีน แซ่บเว่อร์ ??

จากผลงานที่ผ่านๆ มาของผู้กำกับพัคชานอุค อย่าง The Handmaiden (2016) นางเอกถังเหว่ย Lust, Caution (2007) และพระเอกพัคแฮอิล A Muse (2012)

ก็แอบคาดหวังเล็กน้อยว่า มันจะต้องเป็นหนังเกาหลีอีกเรื่องที่อีโรติกติดอันดับท็อปเทนแน่ๆ เนื้อเรื่องก็ส่งมาแล้วว่า นักสืบแอบชอบผู้ต้องหา มันต้องมีแน่ๆ เลิฟซีนแซ่บเว่อร์

แต่เปล่าจ้า อะแต่…ช้าก่อน มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลิฟซีนเลย พอมีอยู่บ้างแต่อาจจะไม่เร่าร้อนพริกทั้งสวนอย่างสามเรื่องที่กล่าวอ้างไว้ตอนต้น decision to leave สปอย pantip

เพราะเลิฟซีนเรื่องนี้ออกแนวละมุน ซึ้งตรึงใจ ไม่ว่าจะวิธีจีบกันของพวกเขา หรือซีนจับมือ จูบ กอด ทาครีม หรือล้วงกระเป๋า ทุกซีนกระตุกแก้มให้อยากยิ้ม ชวนจิ้น พร้อมๆ ไปกับความกังวลในความสัมพันธ์รักต้องห้ามของพวกเขา

สำหรับผู้เขียน หนังของพัคชานอุค ดูสนุกทุกเรื่อง ถึงแม้ความพยายามสับขาหลอก ตีฟองให้เรื่องซับซ้อนและหักมุม บางครั้งอาจจะเกินความพอดีไปบ้าง แต่  ฆาตกรรมรักหลังเขา

ดูกลมกล่อมและชวนมอง อาจจะด้วยเพราะเสน่ห์ของดาราทั้งคู่ โดยเฉพาะถังเหว่ยในบทโซเร เช่นเดียวกับหนังนักสืบดี ๆ เรื่องอื่น ๆ การ “สืบสวน”

ในที่นี้ไม่ใช่เพียงสืบคดีหรือค้นหาความจริงของเหตุการณ์ แต่เป็นการ “สืบสวน” เข้าไปภายในจิตใจเพื่อหาแรงกระตุ้นของพฤติกรรมของตัวละคร

ทำไมโซเรถึงย้ายมาเกาหลี ทำไมเธอถึงแต่งงาน ทำไมสามีเธอจึง (ดูเหมือนฆ่าตัวตาย) และทำไมนักสืบของเราจึงหลงรักแม่หม้ายสาวลึกลับคนนี้

คำถามบางคำถามไม่มีคำตอบ แต่การถามมันทำให้หนังมีความลึกซึ้ง และทำให้ช่วงสุดท้ายของ ฆาตกรรมรักหลังเขา เป็นการขมวดจบที่น่าจดจำอย่างยิ่ง

ภาพสวย มุมกล้องน่าทึ่ง

บทที่มองโดยผิวเผินอาจดูเรียบง่ายแต่มีความแยบยลละเอียดอ่อนลึกซึ้ง ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแต่ละเมียดละไม ชวนตกภวังค์หลงใหลตาม ดูเหมือนจะเนิบ ๆ แต่มวลอารมณ์ท่วมท้น

ผนวกกับพลังของนักแสดงที่รับส่งให้กันอย่างเยี่ยม ส่งให้กลายเป็นหนังรักในอีกรูปแบบที่ฟินระทึก อบอุ่นอ้างว้าง สุขสลด ช่างเป็นคำคุณศัพท์ที่ไม่น่าจะอยู่ด้วยกันได้เลยเนอะ

มันจึงให้ความรู้สึกสดใหม่มากอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน

คำแนะนำในการดูเรื่องนี้ก็คือ จะเสพความสวยงามที่ไม่ได้มากับความหวานชื่นนี้ได้ต้องใช้ใจค่อย ๆ ดูไปอย่างไม่รีบร้อน และต้องถอดกรอบแบบเดิม ๆ ของความคิดแนว ‘แมส’

พักวางไว้ก่อน ทุกบทพูด ทุกการกระทำสื่อนัยความหมาย และส่งต่อความเกี่ยวพันกันหมดทั้งเรื่อง ความเรียบง่ายที่มีเรื่องราวสวยงามทรงพลัง สะท้อนชัดจากโปสเตอร์ ยิ่งถ้าดูจบแล้วกลับมาดูโปสเตอร์อีกครั้ง จะยิ่งรู้สึกได้ว่าคุมโทนคุมคอนเซ็ปต์อยู่จริง ๆ เลย

ถังเหว่ย สวมบทบาทของ ‘ซอแร’ ได้อย่างมีมิติ ให้ภาพทั้งด้านซื่อใสตรงไปตรงมา และด้านเทา ๆ ที่มีเจตนาซ่อนเร้นน่าค้นหา เป็นคนต่างด้าวที่ไร้เดียงสาน่าสงสารได้

ความอ่อนภาษาเกาหลี ไม่เข้าใจวัฒนธรรมแตกต่างที่แสดงออกมาได้อย่างน่าเอ็นดู จะเสน่ห์ธรรมชาติก็ดี หรือเสน่ห์เย้ายวนที่ชวนหนาวก็ได้ แม้กระทั่งการสื่อความร้าวรานใจภายใต้บุคลิกที่แกร่งเข้มแข็ง ที่สำคัญ ผู้เขียนว่าเธอสวยธรรมชาติน่ามองดีด้วยค่ะ

รีวิวหนัง Decision to Leave บทสรุป

พัคแฮอิล เป็นแคสต์ที่ลงตัวจริง ๆ เพราะสีหน้าแววตาอารมณ์แบบนี้ คงพอเคยเห็นบ้างจากผลงานที่เคยผ่านมา

เขาถ่ายทอดความลุ่มหลงจากภายในออกมาทางแววตาและท่ามกลางท่าทีและคำพูดแสนธรรมดา จะเรียกว่าเป็นอีกรูปแบบของความซึนเดเระก็พอไหวนะ

แบบพอดีพองามเป็นธรรมชาติ แฝงเคอะเขินได้น่าเอ็นดู ในหลาย ๆ ฉากเขาทำให้เราอมยิ้มขำ ๆ ได้เลยนะ พัคแฮอิลคืออีกหนึ่งนักแสดงที่ใช้สายตาได้ลึกซึ้งสะเทือนอารมณ์ดีมากจริง ๆ

นอกจากนี้ ก็ยังมีนักแสดงร่วมสมทบอีกหลายต่อหลายคน บทคนละเล็กละน้อย เช่น พัคยงอู ซนฮยอนอู พัคจองมิน อีฮักจู ยูแทโอ ชเวแทฮุน คิมชินยอง โกมินซี เป็นต้น และอยากขอยกให้ Smart watch เป็นอีกหนึ่งตัวเอกและมีบทบาทสำคัญในเรื่องด้วย

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetuer adipiscing elit, sed diam nonummy nibh euismod tincidunt ut laoreet dolore magna aliquam erat volutpat.

ความรู้สึกหลังรับชม

งาน Cinematography เป็นหัวใจสำคัญของหนังเรื่องนี้ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย สวยงามสดใหม่แตกต่าง การเลย์ซาวน์ ดี สกอร์ซาวน์แปลก ไม่โฉ่งฉ่าง

(สมแนวทางที่ผู้กับวางไว้) แต่ได้อารมณ์มาก เช่น ซาวน์เสียงแหลมกรีดใจในฉากลุ้นความในใจ รวมถึงเพลงธีมที่เลือกมาก็ดีมาก ๆ ทั้งเนื้อหาที่เล่นกับ ‘หมอก’

เข้ากับเมือง และเข้ากับนัยน์ตาพร่ามัวของแฮจุน ท่วงทำนองก็ไพเราะเข้ากับบุคลิกตัวละครได้

งานภาพคือยิ่งได้เห็นช็อตแปลกตา สื่ออารมณ์และนัยความหมายได้ดี เช่น เล่าอารมณ์ความรู้สึก ‘อยาก’ ให้สมจริง

ด้วยการจินตนาการเอาตัวเข้าไปอยู่ร่วมเฟรมร่วมเหตุการณ์ที่มองอยู่คิดอยู่ (จนผู้ชมบางคนอาจเผลองงได้) การซ้อนภาพสองอย่างหรือสองช็อตในเฟรมเดียวกัน ให้อารมณ์แปลกๆแนว ‘ถลำ‘ เข้ากับความถลำใจของตัวเอกด้วย (ไม่มีอะไรหลุดจากแกนแนวคิดเลย ปรบมือค่ะ)

สุดท้ายหนังเรื่อง ฆาตกรรมรักหลังเขา เป็นหนังที่ประเทศเกาหลีอาจจะแอบหวังลึก ๆ ให้ไปได้ไกลเหมือนที่ Drive My Car ของญี่ปุ่นทำได้เมื่อปีที่แล้ว

คือไปได้ถึงเวทีออสการ์และได้รับการตอบรับที่ดีมากจากฝั่งอเมริกา ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าอาจจะยาก แต่ที่สุดแล้วก็น่าดีใจที่หนังเข้าโรงในไทย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *